ไม่ว่าอุปสรรคใดๆ ก็ไม่สามารถมากั้นขวางความรักของคนสองคนได้ โดยเฉพาะภาระกิจเริ่มต้นของการเดินทางเข้าสู่ประตูของชีวิตคู่อย่าง “การถ่ายพรีเวดดิ้ง” การถ่ายภาพช่วงหน้าฝน แม้หลายๆ คู่จะไม่นิยมกัน เพราะมีปัจจัยด้านสภาพอากาศ ที่มักจะเป็น อุปสรรคในการถ่ายพรีเวดดิ้งของช่วงเวลาที่ดีของคนสองคน
แต่การถ่ายพรีเวดดิ้งในฤดูกาลนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรือเป็นปัญหาให้ต้องกังวล หากเรามีการวางแผนที่ดี ก็สามารถทำให้การถ่ายภาพผ่านพ้นไปด้วยดี วันนี้ Wedding Hitz มีเทคนิคดีดีสำหรับการถ่ายพรีเวดดิ้งช่วงหน้าฝนมาฝาก
1.เลือกสถานที่แบบ Indoor
ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของคู่รักหลายคู่ เพราะสตูดิโอที่มีบรรยากาศสวยๆ มีธีมที่ตรงกับไลฟ์สไตล์มีให้เลือกมากมาย รวมไปถึงแพ็คเกจราคาเบาๆ แบบคุ้มค่าโดยไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เช่น ค่าเช่าสถานที่ ค่าแต่งหน้าทำผม ค่าเช่าชุดพรีเวดดิ้ง ค่าจัดทำวีดีโอ และค่าจัดงานแต่งงาน โดยเฉพาะคู่รักที่มีเวลาที่จำกัดจนไม่มีเวลาวางแผนและหาข้อมูล
2.เช็คสภาพอากาศให้มั่นใจ
แม้จะเป็นช่วงหน้าฝน แต่ฝนก็ไม่ได้ตกทุกวัน การเช็คสภาพอากาศว่า ไม่มีพายุฝนมาขัดจังหวะการถ่ายพรีเวดดิ้ง ก็ช่วยให้ได้ภาพสวยในสถานที่สุดปรารถนาได้เช่นกัน
3.เปลี่ยนเป็นธีมพรีเวดดิ้งท่ามกลางสายฝน
เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส แค่เตรียมช่างภาพมือดีจับภาพบรรยากาศสวยๆ และได้อารมณ์ช่วงที่สายฝนกำลังสาดเท ก็ช่วยให้ได้ธีมพรีเวดดิ้งที่สดชื่นท่ามกลางความชุ่มฉ่ำของน้ำฝนที่ไม่เหมือนใคร สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมคืออุปกรณ์สำหรับการหลบฝนรวมไปถึงชุดพรีเวดดิ้งสำหรับเปลี่ยน
4.เตรียมตัวให้พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน หากเจอสถานที่สวยๆ บรรยากาศดีดี และอยากให้ภาพพรีเวดดิ้งออกมาอย่างที่ใฝ่ฝัน แต่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย การเตรียมพร้อมกับความแปรปรวนของ ดิน ฟ้า อากาศ คือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เช่น อุปกรณ์ที่ป้องกันการเปียกชื้น หรือแม้แต่การรอเวลาที่ท้องฟ้าโปร่งใส เพื่อให้ได้บรรยากาศที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ วิธีนี้อาจจะเหมาะสำหรับคู่รักที่มีเวลาเหลือเฟือและไม่เร่งรีบ
5.เตรียมแผนสำรอง
การถ่ายพรีเวดดิ้งช่วงหน้าฝนก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่เพื่อไม่ให้แผนการถ่ายพรีเวดดิ้งต้องล้มเลิกกลางคัน ท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน ควรมีแผนสำรองต่างๆ เพื่อให้ได้ภาพสวยๆ ในธีมที่ต้องการ เช่น การเปลี่ยนสถานที่แบบ Outdoor เป็น Indoor หรือการเปลี่ยนธีมสถานที่ในช่วงเวลาแบบเร่งด่วน เป็นต้น
6.เลือกใช้บริการจากทีมถ่ายพรีเวดดิ้ง
เพื่อลดความยุ่งยากและปัญหาต่างๆ ในการถ่ายพรีเวดดิ้ง การเลือกใช้บริการทีมงานที่ให้บริการดูและ
พรีเวดดิ้งสำหรับคู่รัก จะช่วยลดเวลา ลดขั้นตอนและช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการถ่ายพรีเวดดิ้งได้ แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ถือว่าคุ้มสำหรับคู่รักที่มีเวลาน้อย และไม่สะดวกในการเตรียมพร้อมด้วยตัวเอง ซึ่งทีมดูแลและบริการเหล่านี้ จะช่วยในการวางแผนการถ่ายพรีเวดดิ้งเป็นไปด้วยความราบรื่นและได้ธีมบรรยากาศอย่างที่ต้องการอย่างตรงใจ
7.เลือกสถานที่แบบ Indoor และ Outdoor
การหาสถานที่แบบ Indoor และ Outdoor ภายในบริเวณเดียวกัน จะช่วยให้คู่รักไม่ต้องกังวลว่าจะต้องโดนฝนเทจนเปียกปอนแล้วหาที่หลบฝนไม่ทัน ยังมีหลายสถานที่ที่ช่วยให้สามารถเก็บภาพพรีเวดดิ้งที่สวยและไม่มีอุปสรรคของสายฝนมากวนใจ หากเป็นวันที่ท้องฟ้าเปิด ก็ช่วยให้ได้ภาพบรรยากาศทางธรรมชาติรอบๆ บริเวณ หรือหากเป็นวันที่ฟ้าฝนกระหน่ำลงมา ก็ยังสามารถเปลี่ยนไปถ่ายภาพในธีมบรรยากาศแบบ Indoorได้อย่างสบายใจ เพียงแต่อาจจะต้องหาข้อมูลสถานที่ ติดต่อจอง และวางแผนให้พร้อม
จะว่าไปแล้ว หน้าฝนก็ถือเป็นช่วงที่มีบรรยากาศที่ดีและสามารถเก็บภาพพรีเวดดิ้งที่สวยงามได้อีกเช่นกัน และไม่ถือว่าเป็นฤดูกาลที่เป็นอุปสรรคในการถ่ายพรีเวดดิ้งมากนัก เพราะสภาพเมืองไทยมีภูมิอากาศที่ร้อนชื้น ฝนตกเป็นช่วงๆ และมีสภาพอากาศที่โปร่งใส จึงเอื้ออำนวยสำหรับคู่รักที่มีแผนเพื่อจะถ่ายพรีเวดดิ้งในฤดูกาลนี้
แม้ว่าฝนจะตกหนัก สถานที่สำหรับถ่ายพรีเวดดิ้งในรูปแบบสตูดิโอ ที่มีธีมและบรรยากาศที่หลากหลายสไตล์ก็มีให้เลือกมากมาย เพราะฉะนั้นสายฝนก็ไม่ใช่อุปสรรคของการถ่ายพรีเวดดิ้งอีกต่อไปแล้ว
ขอขอบคุณเรื่องราวดีดี : weddinghitz.com